ถ้าคุณยังคิดว่า “มีเวลาอีกตั้งเดือนกว่า” ก่อนถึงสิ้นปี คำเตือนนี้สำหรับคุณเลย เพราะหลายคนพลาดสิทธิ์ ลดหย่อนภาษี ไปทุกปี โดยไม่รู้ตัว
เดือน พฤศจิกายน คือ “จังหวะทอง” ของการวางแผนภาษี เป็นช่วงที่คุณยังเลือกได้ ยังคิดได้ ยังจัดระบบได้อย่างมีสติ ก่อนที่ปลายปีจะกลายเป็น “สนามแข่งของคนซื้อไม่ทัน” และสุดท้าย…กรมธรรม์ไม่อนุมัติทันเวลา
ภาษีอาจเป็น “หน้าที่” ที่เราหลีกไม่ได้ แต่การ “วางแผนภาษีปลายปี” คือสิทธิ์ที่เราควรใช้ให้คุ้ม และหนึ่งในเครื่องมือที่ดีที่สุดในตอนนี้คือ “ประกันลดหย่อนภาษี 2568”
ภาษีคืออะไร และทำไมเราต้องวางแผน
เราทุกคนที่มีรายได้ ไม่ว่าจะเป็นพนักงานประจำ ฟรีแลนซ์ หรือเจ้าของธุรกิจ ต่างต้องเสีย “ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา” ตามกฎหมาย แต่สิ่งที่หลายคนยังไม่รู้คือ — ภาษีที่เราจ่ายนั้น ไม่ได้ถูกกำหนดแค่จากรายได้ แต่จาก “รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน”
นั่นแปลว่า…
ถ้าเราวางแผนลดหย่อนดี เราเสียภาษีน้อยลงได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ยกตัวอย่างง่าย ๆ คนที่มีรายได้ปีละ 1,200,000 บาท (เดือนละ 100,000 บาท) หากไม่มีการวางแผนเลย อาจต้องเสียภาษีประมาณ 90,000 บาท แต่ถ้ามีการซื้อประกันลดหย่อนภาษี 125,000 บาท ภาษีจะลดลงทันทีประมาณ 25,000 บาท เท่ากับ “เงินเดือนหนึ่งเดือน” ที่คุณไม่ต้องเสียให้รัฐ
สิ่งนี้ไม่ใช่กลเม็ด แต่คือ “สิทธิ์ตามกฎหมาย” ที่คนเข้าใจระบบใช้ได้ก่อนเสมอ
ประกันลดหย่อนภาษี 2568 ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่สำคัญเสมอ
“ประกันลดหย่อนภาษี” คือกรมธรรม์ที่กรมสรรพากรรับรอง ว่าสามารถนำเบี้ยประกันที่จ่ายไปมาหักลดหย่อนภาษีได้ พูดง่าย ๆ คือ คุณเอาเงินก้อนที่ต้องเสียภาษีอยู่แล้ว ไปเปลี่ยนให้ “กลายเป็นความคุ้มครอง” แทน
ประกันชีวิตลดหย่อนภาษี
- ลดได้สูงสุด 100,000 บาท/ปี
- ต้องเป็นกรมธรรม์ที่คุ้มครองเกิน 10 ปี
- ผู้เอาประกันและผู้ยื่นภาษีต้องเป็นคนเดียวกัน
- เหมาะกับคนที่อยากวางแผนความมั่นคงให้ครอบครัว พร้อมลดหย่อนภาษีในเวลาเดียวกัน
ประกันสุขภาพลดหย่อนภาษี
- ลดได้สูงสุด 25,000 บาท/ปี
- ถ้ามีทั้งประกันชีวิตและสุขภาพ ต้องรวมกันไม่เกิน 100,000 บาท
- เหมาะกับคนทำงานที่อยากดูแลสุขภาพระยะยาว ไม่พึ่งสวัสดิการบริษัทอย่างเดียว
ประกันบำนาญลดหย่อนภาษี
- ลดได้สูงสุด 300,000 บาท/ปี
(แต่รวมกับกองทุนอื่น เช่น RMF หรือ SSF ต้องไม่เกิน 500,000 บาท) - ต้องเริ่มรับเงินเมื่ออายุ 55 ปีขึ้นไป
- เหมาะกับคนที่อยากสร้างรายได้หลังเกษียณอย่างมีระบบ
ทั้งสามแบบนี้รวมกัน คือ “สูตรพื้นฐานของการวางแผนภาษีปลายปี” ที่ทั้งลดภาษีวันนี้ และสร้างความมั่นคงในระยะยาว
แล้วทำไมต้องรีบตอนนี้ — ไม่รอธันวาเหมือนทุกปี?
คำตอบสั้น ๆ คือ เพราะระบบอนุมัติกรมธรรม์ใช้เวลา
หลายคนคิดว่าแค่จ่ายเงินก่อนสิ้นปี ก็ได้สิทธิลดหย่อนเลย แต่จริง ๆ แล้ว กรมสรรพากรจะนับสิทธิ์ตาม “วันที่กรมธรรม์อนุมัติ” ไม่ใช่วันที่คุณโอนเงิน และบริษัทประกันส่วนใหญ่จะเริ่ม “ปิดรับเคสปลายปี” ตั้งแต่กลางเดือนธันวาคม เพราะช่วงนั้นมีคำขอเข้ามาพร้อมกันหลายหมื่นเคส
ผลที่เกิดขึ้นทุกปีคือ… มีคนจำนวนมากที่ “ซื้อไม่ทันสิทธิ์ปีนั้น” ทั้งที่จ่ายเงินไปแล้ว
ตัวอย่างง่าย ๆ
- คุณซื้อประกันวันที่ 25 ธ.ค.
- โดนสุ่มตรวจสุขภาพ และไปตรวจวันที่ 27 ธ.ค.
- กรมธรรม์อนุมัติวันที่ 5 ม.ค.
→ สิทธิ์ลดหย่อนไปตกปี 2569 แทน
ในขณะที่คนที่เริ่มตั้งแต่ พฤศจิกายน จะมีเวลาเช็กแบบ คุยรายละเอียด และทำให้ทุกอย่างเสร็จทันปีนี้ ไม่ต้องลุ้น ไม่ต้องรีบ
เพราะเรื่องภาษี ไม่ได้วัดกันที่ “ใครซื้อ” แต่ที่ “ใครวางแผนก่อน”
คุ้มค่าขนาดไหน? มาดูตัวเลขจริง
ลองคิดตามแบบง่าย ๆ
รายได้ต่อปี 1,200,000 บาท
ฐานภาษี 20%
ซื้อประกันบำนาญ 100,000 บาท + สุขภาพ 25,000 บาทเท่ากับใช้สิทธิลดหย่อนได้ 125,000 บาท ประหยัดภาษีได้ 25,000 บาท
หรือถ้าคุณอยู่ฐานภาษี 25% (รายได้ประมาณ 2,000,000 บาท) ซื้อประกันลดหย่อนภาษี 300,000 บาท (เช่น ประกันชีวิต + บำนาญ) จะประหยัดได้ถึง 75,000 บาท นี่คือเงินที่คุณควร “ได้คืนจากสิ่งที่จ่ายอยู่แล้ว” และต่างจากการลดหย่อนแบบอื่นตรงที่… คุณได้ความคุ้มครองด้วย ไม่ใช่แค่ลดตัวเลขในเอกสาร
อยากให้คุ้มจริง ต้องวางแผนอย่างมีระบบ
การซื้อประกันลดหย่อนภาษี ไม่ใช่เรื่องของ “ซื้ออะไร” แต่คือ “ซื้อเพื่ออะไร”
ลองถามตัวเองก่อนว่า คุณอยากได้อะไรจากมัน ลดหย่อนภาษีเฉย ๆ? หรืออยากวางระบบชีวิตระยะยาวด้วย?
เคล็ดลับง่าย ๆ ที่ว่านใช้กับลูกค้าทุกคนคือ
- รู้ฐานภาษีตัวเองก่อน
เพื่อจะรู้ว่าซื้อเท่าไหร่ถึงจะคุ้ม เพราะบางคนอยู่ฐานภาษีแค่ 5% ซื้อเต็มสิทธิ์ก็ไม่ได้ประโยชน์เท่าคนฐาน 20% - เลือกแบบที่ตอบเป้าหมายชีวิตด้วย เพื่อประโยชน์ที่มากกว่า ลดหย่อนภาษี
- ถ้าอยากป้องกันความเสี่ยง → ประกันชีวิต
- ถ้าอยากลดความเสี่ยงของค่ารักษาพยาบาล → ประกันสุขภาพ
- ถ้าอยากเก็บเงิน → ประกันสะสมทรัพย์
- ถ้าอยากวางแผนเกษียณ → ประกันสะสมทรัพย์ หรือ ประกันบำนาญ
- อย่าซื้อเพราะโปรฯ อย่างเดียว
เบี้ยถูกไม่ได้แปลว่าคุ้ม ถ้าไม่ตอบโจทย์ชีวิต ควรดูทั้งระยะคุ้มครอง ผลประโยชน์ และภาษีควบคู่กัน
ความเข้าใจผิดที่พบบ่อย
“ซื้อเท่าไหร่ก็ลดได้หมด”
❌ ไม่จริง แต่ละแบบมีเพดานชัดเจน
“ซื้อประกันอะไรก็ลดได้”
❌ ต้องเป็นแบบที่กรมสรรพการรับรองเท่านั้น
“ซื้อแค่ปีเดียวพอ”
❌ ประกันชีวิตลดหย่อนภาษีต้องมีระยะคุ้มครองเกิน 10 ปี
และหากยกเลิกก่อนครบกำหนด คุณอาจต้องคืนภาษีย้อนหลัง
สิ่งที่ควรจำคือ “ภาษีมีสิทธิ์ แต่สิทธิ์มีเงื่อนไข” รู้ก่อน ย่อมคุ้มก่อนเสมอ
ประกันลดหย่อนภาษี 2568 ไม่ใช่แค่เรื่องการเงิน แต่มันคือเรื่องของ “เวลา”
ทุกปีเราทำงานแทบตลอด 12 เดือน แต่คนส่วนใหญ่จะมาคิดเรื่องภาษีตอนเหลือเวลาแค่ไม่กี่วัน แล้วค่อยรีบซื้อประกันเพื่อลดหย่อน ทั้งที่จริงแล้ว การวางแผนภาษีควรเริ่ม ตั้งแต่ตอนนี้ เพราะ “ภาษี” ไม่ใช่แค่สิ่งที่ต้องจ่าย แต่มันคือภาพสะท้อนของ “ชีวิตที่เราจัดการได้ดีแค่ไหน” คนที่เข้าใจระบบภาษี จะไม่รอให้ถึงวันสุดท้าย เพราะเขารู้ว่า “เวลาคือเงิน” และทุกวันที่ผ่านไป คือสิทธิ์ที่อาจหายไปโดยไม่รู้ตัว
สรุปง่าย ๆ
- ประกันลดหย่อนภาษี 2568 มี 4 ประเภทหลัก: ชีวิต, สุขภาพ, สะสมทรัพย์, บำนาญ
- ใช้สิทธิลดหย่อนได้รวมสูงสุด 300,000 บาท/ปี (ตามเงื่อนไขแต่ละแบบ)
- ต้องวางแผน ก่อนธันวาคม เพราะระบบอนุมัติกรมธรรม์ใช้เวลา
- การซื้อประกันลดหย่อนภาษี = ลดภาษีวันนี้ + สร้างความมั่นคงระยะยาว
ภาษีเป็นเรื่องที่เราหนีไม่ได้ แต่เราสามารถ “เลือกวิธีอยู่กับมันอย่างชาญฉลาด” ได้ การซื้อประกันลดหย่อนภาษี ไม่ใช่การหนีภาษีแต่มันคือ “การทำให้เงินทุกบาทที่ต้องจ่าย มีความหมาย” เพราะมันไม่ได้แค่ลดภาระ แต่สร้างหลักประกันให้ชีวิต
ภาษีคือหน้าที่ แต่การวางแผนคือสิทธิ์
และสิทธิ์นี้…จะหมดในเดือนธันวา
ถ้ายังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มยังไง
มาคุยกันได้กับ Life Moment Advisor – ว่าน เมธปริยา ที่ปรึกษาที่จะช่วยให้คุณวางแผนภาษีปีนี้อย่างคุ้มค่า ทั้งลดหย่อน ทั้งวางระบบชีวิตให้มั่นคง ☔️ ทักเลย
- Line OA: @MeMaytapriya
- Facebook: MeMaytapriya
- Call: 099-359-1619
